ลดระยะเวลาการพัฒนาระบบ E-KYC ด้วย UpPass
การระบุตัวตนของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ สังเกตได้จากการทำธุรกรรมต่างๆ ใหม่ในโลกยุคหลัง COVID-19 ที่ต้องมีการเปิดกล้องถ่ายเซลฟี่เพื่อยืนยันตัวตน โดยผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาและไม่ต้องใช้เอกสารยืนยันตัวตนแบบเดิมๆ สำหรับการสร้างบัญชี การขอสินเชื่อหรือธุรกรรมต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการนำเทคโนโลยี E-KYC เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ รวมทั้งใช้ “เทคโนโลยี AI” เข้ามาช่วยด้านการตรวจสอบข้อมูลบัญชีลูกค้าและตรวจสอบความผิดปกติของธุรกรรมแปลกๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหากับธุรกิจได้ ซึ่งช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในการใช้แรงงานคนและประหยัดเวลาได้มากกว่า
อย่างไรก็ตามกว่าจะพัฒนาระบบ E-KYC ขึ้นมาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่สร้างกันได้ง่ายๆ ผู้ใช้หลายคนไม่ทราบว่า E-KYC ทำงานอย่างไร บทความนี้จะมาสรุปเรื่อง E-KYC ให้เข้าใจง่ายๆ พร้อมแนะนำวิธีสร้าง E-KYC ที่ง่ายเหมือนสร้างผ่าน Google Form
ทำความรู้จักกับ KYC
KYC หรือ Know Your Customer มีความหมายตรงตัวว่า การทำความรู้จักลูกค้าผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน ซึ่งหากมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้จะเรียกว่า E-KYC (Electronic Know Your Customer) หรือการรู้จักลูกค้าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการระบุและพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง (Identification and Verification) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นลูกค้ามีตัวตนจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น
- การตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน (ID card verification)
- การตรวจสอบใบหน้า (face verification)
- การสแกนลายนิ้วมือหรือรูม่านตา (biometric verification)
- การตรวจสอบเอกสาร (document verification ) ที่เป็นข้อมูลทางเลือกต่างๆ อย่างเช่น การชำระค่าสาธารณูปโภค (Utility bills) เพื่อตรวจสอบที่อยู่หรือพฤติกรรมการชำระเงิน
ซึ่งธุรกิจมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหากลูกค้าไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของการยืนยันตัวตน โดยก่อนนำ E-KYC มาปรับใช้แนะนำให้ธุรกิจต้องคำนึงถึง 2 เรื่องหลักๆ นั่นก็คือ รู้จักลูกค้า (Know who you are) และรู้ข้อมูล (Know your information) ของลูกค้าเพื่อทำการยืนยันตัวตน
1. รู้จักลูกค้า (Know who you are)
การทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกว่าการทำ E-KYC (Electronic Know Your Customer) เป็นการนำเทคโนโลยี 2 ฟีเจอร์หลัก มาสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วมากขึ้น นั่นก็คือ
- Liveness Verification : การสแกนใบหน้าหรือถ่ายภาพเซลฟี่เพื่อยืนยันตัวตน ป้องกันไม่ให้เกิดการแอบอ้างตัวตนในการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์ โดยระบบจะตรวจจับภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ว่าเป็นภาพใบหน้าจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการนำรูปถ่ายหรือการนำไฟล์วิดีโอมาแอบอ้างในการยืนยันตัวตน
- ID Document Verification : การยืนยันตัวตนลูกค้าผ่านบัตรประชาชนหรือ Passport และระบบจะทำการเปรียบเทียบใบหน้า (Face Comparison) ที่ลูกค้าได้สแกนมาด้วยการเทียบใบหน้าปัจจุบันเข้ากับฐานข้อมูล เพื่อยืนยันว่าใบหน้าที่ตรวจจับได้ถูกต้องและตรงกับบุคคลนั้นๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการพิสูจน์ตัวตนให้แม่นยำมากขึ้น
2. รู้ข้อมูล (Know your information)
สำหรับการทำ E-KYC ธุรกิจต้องระบุตัวตนของลูกค้า (Digital Identity) และยังต้องประเมินความเสี่ยงด้วย ถือเป็นข้อกำหนดทางจริยธรรมเพื่อเป็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่งประเทศไทยมีกฎหมายพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และยึดแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันการฟอกเงินสากล หรือกฎระเบียบ AML (Anti-Money Laundering) เพื่อจำกัดการฉ้อโกง โดยเมื่อรู้ข้อมูลของลูกค้าแล้วจะช่วยให้ธุรกิจลดความสูญเสียจากการฉ้อโกง
สิ่งเหล่านี้ UpPass สามารถ Verify ผ่านการทำ E-KYC ได้ เพราะมีฟีเจอร์ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลหรือประวัติของผู้ใช้บริการ เช่น Negative news หรือ Fake new ของบุคคลนั้นๆ รวมถึงเช็กข้อมูลบัญชี blacklist บัญชีที่ติดเครดิตบูโร ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ให้บริการทางการเงิน รวมถึงสามารถระบุความเสี่ยงในการทำธุรกรรมของลูกค้าเพื่อตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัย อย่างเช่น การเปิดบัญชีใหม่เพื่อทำธุรกรรม ตรวจสอบสกุลเงิน การปลอมแปลงเอกสาร หากธุรกิจสามารถตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรมได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยคัดกรองความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงได้แบบเรียลไทม์โดยมีผลกระทบต่อลูกค้าน้อยที่สุด
สร้างฟอร์มการยืนยันตัวตน (Verification Flow) ได้เองง่ายๆ ภายใน 10 คลิก!
ให้ UpPass เป็นทางออกในการทำ E-KYC
ทุกธุรกิจมักกังวลในเรื่องของการฉ้อโกงทุกประเภทและต้องการหาโซลูชันต่างๆ เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในส่วนนี้ แต่ธุรกิจส่วนใหญ่มักขาดทรัพยากรด้านไอที และต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ UpPass จะเป็นทางออกให้กับคุณได้ เพราะ
- เร็วและง่าย Setup ได้เอง
คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม คุณก็สามารถสร้างแบบฟอร์มที่จะยืนยันตัวตนลูกค้าได้ เพียงลากและวาง (Drag and drop) องค์ประกอบต่างๆ ได้ รวมถึงปรับ UI (User Interface) ไม่ว่าจะเป็น ปรับสี ฟอนต์หรือใส่โลโก้ ปรับให้เข้ากับแพลตฟอร์มของธุรกิจได้ตามที่คุณต้องการได้ภายใน 10 คลิก ช่วยล่นระยะเวลาในการพัฒนาธุรกิจให้สั้นลง
- Sign Up และ Implement ในวันเดียว
หลังจากที่คุณสร้างฟอร์มและบันทึกเสร็จเรียบร้อย ในแท็บ Share คุณสามารถเลือกได้ว่าจะคัดลอก Direct link, QR Code หรือ API Call เพื่อนำไปเชื่อมต่อผ่าน Webhooks หรือ Integrate เข้ากับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของคุณ ซึ่งช่วยลดความซับซ้อน ลดขั้นตอนการพัฒนาระบบให้ง่ายกว่าที่เคย เมื่อสามารถลดขั้นตอนการ Implement ได้ ก็ถือว่าช่วยลดต้นทุนการทำงานได้เช่นกัน
- เทคโนโลยี Liveness Detection กับความปลอดภัยระดับโลกที่ง่ายที่สุด
การถ่ายวิดิโอเซลฟี่เพื่อยืนยันตัวตน หลายๆครั้งจะต้องทำการกระพริบตาหรือขยับใบหน้าให้ถูกต้อง ซึ่งเทคโนโลยี Liveness Detection จาก UpPass ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้งานง่าย แค่มองตรง ไม่ต้อง หันซ้าย-หันขวา ก็สามารถรู้ว่าบุคคลที่ยืนยันตัวตนนั้นเป็นบุคคลจริงไม่ได้มีการนำภาพถ่ายมาใช้ในการยืนยันตัวตน สะดวกขึ้นและมีความแม่นยำสูง เพราะได้รับรองระดับสูงสุด The iBeta/NIST Level 2 ซึ่งสูงสุดในมาตรฐานการทำ Presentation Test
- รองรับ ID Card และ Passport จาก 240 ประเทศ 130 ภาษา
สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ด้วยความมั่นใจตั้งแต่แรก เพราะสามารถยืนยันตัวตนลูกค้าได้ทั่วโลก ทั้งลูกค้าไทย ลูกค้าต่างชาติรวมถึงกลุ่มแรงงานต่างด้าว เพราะนำฟีเจอร์ Document Spoofing Verification มาใช้ตรวจจับการปลอมแปลง รูปตัดต่อของบัตรประชาชน และพาสปอร์ตที่แม่นยำ โดยสามารถรองรับบัตรประชาชน (ID Card) ใบขับขี่ พาสปอร์ต ได้มากกว่า 10,000 ประเภท กว่า 240 ประเทศและ 130 ภาษา ไม่ว่าจะเป็น บัตรประชาชน บัตรใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (Passport) รวมถึงบัตรชมพู (บัตรต่างด้าว) ซึ่งข้อมูลของลูกค้าจะถูกดึงมาอย่างอัตโนมัติผ่านระบบ OCR (Optical Character Recognition) ที่แม่นยำ ช่วยลดความผิดพลาดของการกรอกข้อมูล อีกทั้งยังส่งผลดีต่อประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า (User Experience)
สำหรับธุรกิจที่ต้องการทำ E-KYC สำหรับการยืนยันตัวตนลูกค้าให้ทันสมัย อยากนำ AI เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการในการทำงานให้เป็น Automation มากขึ้น เพื่อที่จะช่วยป้องกันการฉ้อโกงตัวตนจากลูกค้า โซลูชันของ UpPass นั้น นอกจากจะช่วยลดต้นทุนต่อการทำธุรกรรม (Transaction) ยังมีศักยภาพที่มากกว่าการรักษาความปลอดภัย เพราะได้พัฒนาระบบ machine learning โดยใช้ใบหน้าและบัตรประชาชนของคนไทย เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการสแกนใบหน้าและพิสูจน์มากขึ้น ช่วยล่นระยะเวลาในการพัฒนาระบบ E-KYC ด้วย UpPass เปลี่ยนโลกการทำธุรกรรมออนไลน์ให้ปลอดภัยและง่ายขึ้น
เริ่มต้นสร้างฟอร์ม หรือ ขอชม demo ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uppass.io/blog/