ยกระดับการอนุมัติสินเชื่อ Non-banks และ PICO ด้วย Bank Statement Verification
ผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Banks หรือ Digital Lenders ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ ในรูปแบบดิจิทัล ในปัจจุบันมีข้อจำกัดมากมายที่ทำให้ธุรกิจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ ปัจจัยสำคัญคือการที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดในการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งก็คือการเดินบัญชีของลูกค้า หลายๆ ที่มีการอนุญาติให้ทำการส่งรายการเดินบัญชีทางอีเมล์และผ่านทางออนไลน์ แต่อัตราการโกงหรือปลอมแปลงรายการเดิยบัญชีนั้นสูงขึ้นหลังจาก Covid 19 อย่างมีนัยยะ จะมีวิธีไหนบ้างที่จะหยุดการฉ้อโกงบัญชีธนาคาร (Bank Statement) เพื่อไม่ให้ทำลายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อได้อย่างไร?
สิ่งที่ทำให้ธุรกิจไม่คล่องตัว
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อ Non-Banks หรือ Digital Lending ที่ได้รับอนุญาตและเปิดทำการแล้วกว่า 122 ราย ครอบคลุมอยู่ทุกจังหวัด อย่างเช่น
- สินเชื่อบัตรเครดิต
- สินเชื่อ P-loan ครอบคลุมถึงสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน
- สินเชื่อ Nano Finance สำหรับลูกค้ารายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ
- สินเชื่อ Pico Finance สำหรับลูกค้ารายย่อยระดับจังหวัด
ซึ่งทุกๆ ครั้งที่มีการกู้เงินหรือขอสินเชื่อ จะต้องมีการส่งเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนลูกค้าให้กับสถาบันการเงินไปที่ตัวแทนอย่างน้อย 2-3 ครั้ง เช่น ข้อมูลการขอสินเชื่อ ประวัติการเบิกใช้และชำระคืน เอกสารรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) รวมถึงข้อมูลภาระหนี้ที่แสดงรายละเอียดข้อมูล ซึ่งบางขั้นตอนต้องใช้เอกสารในรูปแบบกระดาษและอาจต้องเสียค่าแมสเซนเจอร์ในการไปรับเอกสารจากลูกค้า สิ่งเหล่านี้แม้จะเป็นวิธีเล็กๆ แต่ก็สำคัญไม่ใช่น้อย ล้วนมีความจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนหรือยืนยันข้อมูล ซึ่งก็ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของลูกค้าหรือผู้ให้บริการ
ผู้ให้บริการทางการเงินในไทยต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนเป็นอย่างมาก แต่ความสะดวกสบายเหล่านี้ ก็ทำให้เกิดช่องโหว่และยังก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการปลอมแปลงเอกสารหรือการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล เพราะธุรกิจ Non-banks ส่วนใหญ่
- ไม่มี Open Banking API ข้อมูลบริการทางการเงินทางดิจิทัลที่กระจัดกระจายตามที่ต่างๆ เช่น เงินฝาก บัตรเครดิตและสินเชื่อกับหลายธนาคาร ทำให้ไม่สามารถจัดการรายละเอียดข้อมูลทางการเงินได้ไม่ครบถ้วน
- เข้าถึง Statement ยาก Non-banks ส่วนใหญ่มีศักยภาพในการเข้าถึงข้อมูลระหว่างธนาคารที่ไม่เพียงพอทำให้เกิดอุปสรรคหลายอย่าง ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการเป็นไปได้ยาก
- การปลอมแปลง รายการเดินบัญชีขั้นสูง จากการสแกนเอกสารที่ยากต่อการตรวจสอบ
- ค่าธรรมเนียม Dstatement ที่ค่อนข้างสูง การใช้บริการ Dstatement หรือ digital bank statement เพื่อรับส่งข้อมูลรายการเดินบัญชี (Bank Statement) ในรูปแบบดิจิทัลนั้นมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างสูงถึง 75-100 บาท/ครั้ง
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อใช้บริการ UpPass
UpPass มี Bank Statement Verification API ที่ได้รับการเชื่อถือจากหลายบริษัทในประเทศ ทำให้ผู้ใช้บริการอัปโหลดรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) ในรูปแบบ PDF ของตัวเองได้หลายธนาคาร สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยเพราะไม่มีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการ หลังจากนั้นระบบจะส่งต่อข้อมูลระหว่างธนาคารแบบอัตโนมัติ ใช้การเชื่อมต่อผ่านบัญชีธนาคารรายใหญ่ 8 แห่งในไทย ได้แก่
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
- ธนาคารกรุงไทย (KTB)
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB)
- ธนาคารออมสิน (GSB)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
นอกจากนี้ UpPass สามารถ Verify ข้อมูลทางเลือก (Alternative data) อื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภค การชำระค่าโทรศัพท์ ว่าตรงกำหนดหรือไม่ ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ประเมินสินเชื่อและอนุมัติ near Real-time หรือสามารถเสนอบริการเสริมต่างๆจากธุรกรรมที่เห็นได้
UpPass สามารถลดความเสี่ยงจาก Bank Statement ได้อย่างไร
1. แยกข้อมูลอย่างถูกต้องและแม่นยำ
มีโปรแกรมในการวิเคราะห์ไฟล์ PDF ช่วยตรวจจับการฉ้อโกงได้แม่นยำถึง 99.9% ตรวจสอบได้ว่าเอกสารรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) ถูกดาวน์โหลดจากแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของธนาคารนั้นจริงๆ และยืนยันว่าชื่อในเอกสารตรงกับชื่อที่สมัครหรือไม่
2. ตรวจสอบการปลอมแปลงเอกสาร
สามารถตรวจสอบได้ว่าเอกสารรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) นั้นมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินฝากที่ผิดปกติ เช่น
- เอกสารได้รับการแก้ไขจากเครื่องมือที่แก้ไขไฟล์ PDF ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นAdobe Acrobat หรือไม่
- เอกสารที่ลูกค้าอัปโหลดมา มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือตัวเลขใหม่หรือไม่
3. ธุรกรรมการเดินบัญชีที่น่าสงสัย
สามารถตรวจสอบค่าที่ผิดปกติของธุรกรรมที่มีรายได้ที่สูงเกินจริง เช่น มีรายการโอนเงินเข้า โอนเงินออก หลายๆ ครั้งหรือมีการโอนเงินซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้ดูเหมือนมีรายได้เข้าหลายช่องทาง ซึ่งจริงๆ อาจเป็นการนำเงินก้อนเดิมมาหมุนเวียน เพื่อปลอมแปลง Bank Statement ขึ้นมาใหม่ และตัดรายการที่โอนเข้าและออก ที่มียอดเท่ากัน
4. บอกประเภทรายการเดินบัญชี
สามารถบอกว่ารายการใดเป็น เงินเดือน รายการใดเป็นการชำระสินเชื่อ บัตรเครดิต หรือ สินเชื่อออนไลน์ที่ผ่าน Application ต่างๆ
ธุรกิจมั่นใจได้เลยว่าการใช้โซลูชันของ UpPass จะเป็นหนึ่งในวิธีการลดความเสี่ยงจากการถูกปลอมแปลงเอกสารรายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement) เพราะธุรกิจจะได้รับข้อมูล ที่มีคุณภาพสูงอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ทำให้สามารถนำข้อมูลไปประเมินและวิเคราะห์ Credit Scoring สำหรับการอนุมัติสินเชื่อได้เร็วขึ้น จากเดิมอาจใช้เวลา 2-3 วัน เหลือเพียงไม่กี่นาที ประหยัดทั้งเวลาและลดค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ใช้บริการก็ไม่เสียเงินเพราะไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ เรียกได้ว่า win-win กันทั้ง 2 ฝ่าย
หากคุณสนใจ UpPass สามารถ ทดลองใช้ฟรี หรือ ขอชม demo