สร้าง Startup ได้หรือไม่? หากไม่มี CTO

สร้าง Startup ได้หรือไม่? หากไม่มี CTO

ทางเลือกในการจ้าง CTO สำหรับ Startup

หัวใจของการทำ Startup คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อ Disrupt ธุรกิจเดิมๆ หากคุณมีไอเดียในการทำ Startup มีโมเดลธุรกิจที่อยากพัฒนา แต่ไม่มี CTO หรือ Chief Technology Officer ในการควบคุมด้านไอที จะสามารถสร้างธุรกิจ Startup ได้หรือไม่ เพราะการหา CTO เจ๋งๆ สัก 1 คนก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย หากคุณกำลังมองหาใครสักคนให้เข้ามาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้างสรรค์ไอเดียทั้งหมดให้กลายเป็นรูปธรรมขึ้นมา มาดูกันว่าหากธุรกิจไม่มี CTO จะสามารถเริ่มต้นธุรกิจ Startup ได้หรือไม่? พร้อมเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีในการค้นหา CTO ที่ใช่สำหรับธุรกิจ

CTO (Chief technical officers) มีความสำคัญอย่างไร?

CTO คือ หุ้นส่วนที่ช่วยเริ่มต้นสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและพัฒนาให้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมนั้นเกิดขึ้นจริง โดยมีทักษะรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี ทั้ง background ในด้าน technical ที่แน่นเพียงพอ มีความเข้าใจการพัฒนาทั้งในส่วน frontend และ backend development โดยสามารถเลือกใช้เครื่องมือในการพัฒนาระบบให้ถูกต้องและเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของธุรกิจได้ รวมถึงมีทักษะความเป็นผู้นำในการวางแผน บริหารและจัดการทีมอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม “การวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าบางบริษัท Startup ไม่จำเป็นต้องมี CTO”

เมื่อใดที่ธุรกิจไม่จำเป็นต้องมี CTO? 

เหตุผลเดียวที่คุณไม่จำเป็นต้องมี CTO นั่นก็คือ เมื่อ Founder ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อทดสอบแนวคิด ทดสอบตลาดอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น ต้องการสร้าง MVP หรือ Minimum Viable Product ผลิตภัณฑ์ที่มีฟีเจอร์ในการให้บริการน้อยที่สุด เพื่อวัดการตอบสนองของตลาดว่าผลิตภัณฑ์นั้นตอบโจทย์หรือเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าหรือไม่ ก่อนที่จะนำมาพัฒนาและปรับปรุง  หากเงื่อนไขนี้มีผลสำหรับคุ ก็ยังไม่ควรจ้าง CTO แต่ทําอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

ทางเลือกธุรกิจ หากไม่มี CTO (Alternatives to Hiring CTO)

1. จ้างทีม Developers

คุณสามารถจ้างทีม Developers ที่มีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับกระบวนการสร้างผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำที่คุณต้องการ หรือจ้างทีมพัฒนาเฉพาะที่สามารถทำงานในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งเหมาะสมกับเป้าหมายของ MVP ภายในกรอบเวลาที่กำหนด  มีรูปแบบการจ้างงานหลายแบบที่คุณสามารถพิจารณาได้ เช่น จ้าง Outsource หรือจ้าง Freelance Developer มาร่วมทำโปรเจกต์ ซึ่งหากเจอคนที่ทุ่มเทและคุณสมบัติเข้ากับองค์กรได้ คุณอาจเปลี่ยนจากพนักงานสัญญา Contract มาเป็น Full-time Developer ก็เป็นได้

2. ใช้แพลตฟอร์ม No-code

แพลตฟอร์ม No-code คือระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและปรับแต่งผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันดิจิทัลได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด HTML หรือ CSS รวมถึงการสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชันและเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจทำงานง่ายขึ้น แพลตฟอร์มเหล่านี้ใช้ง่ายเพียงลากและวาง (drag-and-drop) ช่วยให้ผู้สร้างเห็นภาพกระบวนการใช้งานทั้งหมดและกำหนดประสบการณ์ของผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่อย่างรวดเร็ว

รู้จักแพลตฟอร์ม No-code เพิ่มเติมได้ที่ พัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม No-Code ใช้ง่าย ไม่ง้อ Dev 

3. สร้างหน้า Landing Page เอง

ในระยะสั้น คุณสามารถสร้างหน้า Landing Page พื้นฐานด้วยเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ แม้ว่าสิ่งนี้จะต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ เช่น WordPress, Wix ฯลฯ หรือภาษาการเขียนโปรแกรม เช่น HTML, CSS และ Javascript แต่ในปัจจุบันก็มีแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Low-code และ No-code ที่ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาหน้า Landing page ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องมี  CTO หรือ full-stack developer แค่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน Technical ภายในองค์กรก็เพียงพอแล้ว

เมื่อใดที่ธุรกิจเริ่มมองหา CTO?

1. ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด (Scale an MVP into a Feature-Rich Product)

หากผู้ก่อตั้งที่มีความคิดที่จะขยายตลาดแต่ขาดความรู้ด้าน Technical ในการสร้างผลิตภัณฑ์ หรือต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะหลากหลาย ในกรณีนี้การเป็น Partner กับ CTO ของบริษัท Saas หรือผู้ให้บริการในด้านซอฟต์แวร์จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการจ้าง full-time experts

แต่หลังจากทดสอบไอเดียว่าตลาดมีจริง (validating your idea) ผ่าน MVP หรือ Minimum Viable Product และได้รับ feedback จากกลุ่มเป้าหมายแล้ว ธุรกิจก็ควรจะมี CTO เข้ามาเป็นผู้นำและช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ซึ่ง CTO ของ ยังถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วยว่าจะสามารถพัฒนาสิ่งที่คิดสำหรับธุรกิจ Sartup ให้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ จากรายงานของ Startup genome ระบุว่า

กว่า 90% ของ Startup ล้มเหลวเมื่อพยายามขยายตลาด” จึงเป็นเหตุผลที่ Startup จำเป็นต้องมี CTO ที่มีความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาต่างๆ หากต้องการ scale up ธุรกิจ

2. เมื่อขาดความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคในการสร้างผลิตภัณฑ์  (Lack the Technical Expertise to Create Product)

เมื่อมีไอเดียที่สมบูรณ์พร้อมทั้งเงินทุนแล้ว แต่ยังขาดความเชี่ยวชาญด้าน Technical ในการสร้างและผลิตภัณฑ์ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ธุรกิจจำเป็นต้องมี CTO สำหรับขั้นตอนในการพัฒนาเว็บหรือ mobile application โดยจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีระบบ software architecture ที่มีประสิทธิภาพและสามาถรับมือกับการขยายแผนงานที่เพิ่มขึ้นได้ โดยตรวจสอบทั้ง in-house workflow และควบคุมดูแล outsourced ที่เป็น Partner ของธุรกิจได้

ท้ายที่สุดแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและทรัพยากรบุลคลของบริษัท เพราะในแต่ละ Stage ของ Startup นั้นมีความต้องการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบและ Skill set ที่ไม่เหมือนกัน หากธุรกิจอยู่ใน Stage ที่ต้องการทดสอบ Minimum Viable Product (MVP) ว่าจะมีโอกาสในการเติบโตเป็น Startup การใช้ทางเลือกต่างๆ ที่นอกเหนือจากการจ้าง CTO  ก็ช่วยลดเวลาและลดทีมงาน เหมาะกับการพัฒนาธุรกิจในโลกปัจจุบันที่ความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ที่มา

https://spdload.com

หากคุณสนใจ UpPass สามารถ ทดลองใช้ฟรี หรือ ขอชม demo 

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uppass.io/blog/